1 การไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมองส่วนนั้นๆ โดยเฉพาะสมองส่วนที่ทำงานหนัก ฉะนั้นผลที่ออกมาจะเห็นว่าสมองตื่นตัวตลอด เช่น ถ้าต้องใช้ความจำบ่อยๆ สมองส่วนที่เกี่ยวกับความจำก็จะตื่นตัวมากกว่าส่วนอื่น 2 การทำงานเชื่อม เพราะโดยธรรมชาติแล้วสมองไม่ได้ทำงานส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่ต้องเชื่อมโยงกันหลายๆส่วน โดยเฉพาะส่วนที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงการทำงานของสมอง จะเห็นว่าสมองส่วนที่ตื่นตัวมากต้องการสื่อสาร ประมวลข้อมูล คำนวณ ซึ่งนำไปสู้การตัดสินใจ 3 ความหนาของสมองส่วนที่เรียกว่า ส่วนแข็ง ทำหน้าที่เป็นสะพานระหว่างสมองด้านขวากับสมองด้านซ้าย หากหนามากก็จะทำให้สมองทั้งสองด้านสามารถสื่อสารกันได้ดี มีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหายากๆได้อย่างดี
น้ำมันปลา น้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมบำรุงสมองยอดนิยมตลอดกาล น้ำมันปลา (Fish Oil) ปัจจุบันไม่ได้มีเฉพาะในรูปแคปซูลเม็ดสีเหลืองใส แต่ยังมีการเติมสารสกัดสำคัญอย่างกรดไขมันโอเมก้า3 (Omega 3) ลงในอาหารหลายชนิด เช่น ไข่ไก่ นมผง และผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมสุขภาพด้านต่างๆ สำหรับประโยชน์ด้านบำรุงสมองแล้ว น้ำมันปลายังช่วยเพิ่มความจำและการตอบสนองของสมองต่อสิ่งเร้า มีคุณสมบัติลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ คอเลสเตอรอลร้ายในเลือด โดยป้องกันการอุดตัน และการเกาะตัวของเกล็ดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหลอดเลือด มีประสิทธิภาพในการบำบัดโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางอารมณ์ ซึ่งมีสาเหตุจากสารสื่อประสาทที่ไม่สมดุจ ทำให้สมองทำงานผิดปกติ เช่น โรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ เพื่อความปลอดภัยไม่ควรกินน้ำมันปลาหรืออาหารเสริมที่มีโอเมก้า3 เกินกว่าวันละ 5 กรัม และจากผลการวิจัยต่างๆ แนะนำให้กินกรดไขมันโอเมก้า3 วันละ 1 กรัม หรือเลือกส่งเสริมสุขภาพสมอง โดยกินปลาทะเลและอาหารทะเลที่มีกรดไขมันโอเมก้า3 สูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน ปลาเฮร์ริ่ง ปลาแอนโชวี่ ปลาเรนโบว์เทราต์ ปลาบลูฟิช […]
ถั่วเหลือง สารอาหารที่พบในเลซิตินจากถั่วเหลืองอันประกอบของเซลล์เมมเบรน (Cell Membrane) ที่พบในเซลล์ประสาท มีบทบาทสำคัญเกี่ยวข้องกับความจำ กระบวนการเรียนรู้และแก้ปัญหา การเสริมฟอสฟาทิดิลซีรีนจากเลซิตินในถั่วเหลือง วันละ 300 มิลลิกรัม ช่วยเพิ่มความจำ ความสารถในการจัดการกับปัญหาต่างๆ ช่วยลดความดันโลหิตในเลือด สามารถช่วยให้ความจำดีขึ้น และช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ
1 ไทอะมิน (บี1) วิตามินในกลุ่มนี้จำเป็นสำหรับสมอง โดยเฉพาะไทอะมินที่พบในสมองและเนื้อเยื่อประสาท ไทอะมินช่วยผ่อนคลายเนื้อเยื่อประสาท และหากขาดวิตามินชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการความจำสับสนแบบเดียวกับพวกที่ติดเหล้า 2 กรดโฟลิก (บี 9) หรือโฟเลต ซึ่งมีอยู่ในอาหารหลากหลาย เช่น ผักโขม แอสพารากัส ถั่วเลนทิล โดยร่างกายจะสะสมโฟเลตไว้ในตับ หากตับเกิดอาการผิดปกติหรือถูกทำลายขึ้น ร่างกายจะขาดวิตามินชนิดนี้ โฟลิกทำหน้าที่ในการรวมตัวของกรดแอมิโนและการทำงานของเนื้อเยื่อประสาท นอกจากนั้นยังพัฒนาสมองส่วนของความทรงจำ หากขาดกรดโฟลิกจะทำให้เด็กขาดพัฒนาการทางสมอง และร่างกาย 3 กรดแอสซอร์บิก (วิตามินซี) วิตามินตัวนี้มีความเข้มข้นที่สุดในสมองส่วนพิทูอิทารี 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม วิตามินซีจำเป็นต่อการรวมตัวกันของสารโดพามีนในสมอง ส่วนนิวโรทรามสมิตเตอร์ และช่วนปกป้องสมองไม่ให้เครียดเพราะการออกซิเดชั่น ร่างกายไม่สามารถสะสมวิตามินชนิดนี้ในร่างกายได้ 4 แคลเซียม แคลเซียมเป็นเกลือแร่ที่สำคัญระดับต้นๆในการทำงานของสมอง มีหน้าที่หลักในการสื่อเซลล์ประสาท ช่วยควบคุมการทำงานของนิวโรทรานสมิตเตอร์ ควบคุมความตื่นเต้นเพราะแคลเซียมเป็นส่วนหนึ่งของกระดูก หากได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอก็อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย 5 แมกนีเซียม มีบทบาทสำคัญในการทำให้วิตามินบีหลายชนิดทำหน้าที่ของมันเองได้ หากขาดแมกนีเซียม ร่างกายจะนำวิตามินหลายชนิดมาใช้กับสมองไม่ได้ แมกนีเซียมช่วยสร้างเสริมความทรงจำระยะยาว และมีบทบาทในการควบคุมความตื่นเต้นในระบบประสาท ซึ่งหากร่างกายขาดวิตามินทั้งสองชนิดนี้จะส่งผลต่อการความคิดในสมอง 6 สังกะสี พบสังกะสีในสมองส่วนหน้า แต่การขาดสังกะสีก็ทำให้การทำงานของสมองและสุขภาพจิตลดลง เช่น พบว่าผู้ป่วยพาร์กินสันและอัลไซเมอร์ […]
กิงโกะบิโลบา กิงโกะบิโลบา (Ginkgo Biloba) หรือสารสกัดจากใบแปะก๊วย มี ผลช่วยเสริมประสิทธิภาพของสมองส่วนนี้ โดยวารสาร Advances in Experimental Medicine and Biology พบว่า การกินกิงโกะบิโลบาวันละ 120 มิลลิกรัมต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ มีผลช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสมองในส่วนของพรีฟรอนทัล คอร์เท็กซ์ โดยช่วยให้ผู้หญิงวัยกลางคนที่สมองเริ่มเสื่อมถอยตามวัยมีความทรงจำดีขึ้น นอกจากนั้น กิงโกะบิโลบา ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดเข้าสู่สมอง ช่วยปกป้องเซลล์สมองและ ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ยังช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง ส่งผลดีต่อกระบวนการคิดและความจำของผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมซึ่งเกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างการแล้ว สิ่งสำคัญคือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายได้มีการเผาผลาญ เลือดลมไหลเวียนได้อย่างมีประสิธิภาพ
เมล็ดเจีย (Chia Seed) เมล็ดเจียเป็นพืชในกลุ่มเครื่องเทศตระกูลเดียวกับกะเพรา หรือมินต์ เป็นพืชให้เมล็ดเล็ก ๆ มีสองสีคือดำและขาว เปลือกนอกเมล็ดพองตัวได้เหมือนเม็ดแมงลัก พืชชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น และเป็นพืชเศรษฐกิจที่นิยมปลูกกันมากในทวีปอเมริกา ได้แก่ ประเทศเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา โบลิเวีย เอกวาดอร์ และกัวเตมาลา เมล็ดเจียเป็นธัญพืชที่มีคุณสมบัติเป็นทั้ง Super Fruit และ Super Seed อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ ไฟเบอร์ กรดไขมันดีชนิดโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 แคลเซียม สารต้านอนุมูลอิสระ และโปรตีน ซึ่งเมื่อนำเมล็ดเจียเต็มเมล็ด หรือนำไปบด แล้วนำไปแช่กับของเหลว เช่น น้ำ น้ำผลไม้ หรือ นม เมล็ดเจียจะสามารถพองตัวขึ้นมาได้อีก 12 เท่า ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับอาหารได้ เช่น […]
