มอยส์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) คือ สารทาภายนอกที่สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังได้ อาจมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น ครีม เจล โลชั่นขี้ผึ้ง เป็นต้น ซึ่งส่วนประกอบของมอยส์เจอร์ไรเซอร์มีดังนี้ 1. สารที่ช่วยดูดซับน้ำ(Humectant) มอยส์เจอร์ไรเซอร์กลุ่มนี้เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังโดยการจับน้ำในผิวหนังไว้ไม่ให้ระเหยไปสารกลุ่มนี้ได้แก่ Latic Acid, Polyol, Mucopolysaccharide, Urea,Glycerol 2. สารปิดกั้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน (Occlusive) ออกฤทธิ์โดยปิดกั้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน เมื่อทาลงบนผิวหนังจะกระจายตัวออกคลุมผิวหนังเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ กันไม่ให้น้ำภายในผิวหนังซึมออกสู่ภายนอก ทำหน้าที่คล้ายเกราะอ่อนป้องกันสารเคมีไม่ให้ระคายผิวหนัง แต่ถ้าล้างหรือฟอกผิวหนังบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือดีเทอร์เจน การถู เช็ดกับผ้า จะทำให้มอยส์เจอร์ไรเซอร์หลุดออกจากผิวหนัง อาจต้องทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ซ้ำหลายครั้งต่อวันตามสภาพการดำเนินชวี ิตประจำวันสารกลุ่มนี้ได้แก่ Petrolatum, Lanolin,Dimethicone 3. สารออกฤทธิ์ชนิดอื่นๆ ซึ่งผสมในมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อให้มีคุณสมบัติอื่นเพิ่มมากขึ้นจากการให้ความชุ่มชื่นเพียงอย่างเดียว ที่นิยมได้แก่สารกันแดด สารกลุ่ม AHA ซึ่งช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกให้เร็วขึ้น สารที่ช่วยให้ผิวขาวขึ้น เช่น วิตามิน C, วิตามิน E, Niacinamide หรือ วิตามินB3 เป็นต้น เลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิว มอยส์เจอร์ไรเซอร์นั้นจะต้องสามารถลดการสูญเสียน้ำจากผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ […]
คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจ ดูแลสุขภาพผิวของตนเองเป็นพิเศษ ผิวสวย หน้าใส จึงกลายเป็น สิ่งสำคัญที่สุดในยุคสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสรรหาเคล็ดลับสารพัดแบบ รวมไปถึงการเลือกใช้เครื่องสำอางบำรุงผิว ประเภทต่างๆ นับว่าเป้นปัจจัยหลัก ที่ทำให้ผิวพรรณสวยใสขึ้น การเลือกซื้อ ครีมบำรุงผิวหน้า ตามท้องตลาดทั่วไป ที่ราคาไม่สูงมากนักใช้แล้วถ้าเห็นผลก็ดีไป แต่ถ้าใช้แล้วไม่ดี ก็เปลี่ยนยี่ห้อใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าหน้าจะผ่องใสขึ้น แต่สำหรับบางคน อาจจะแพ้เครื่องสำอาง จนผิวหน้าแย่กว่าเดิม และไม่กล้าใช้ครีมบำรุงหน้าใดๆอีกเลยน้อยคนนักที่จะรู้ว่า การดูแลผิวหน้าสวยใสนั้น เริ่มต้นง่ายๆ จากการรู้จักสภาพผิวของตนอย่างแท้จริง รู้จักเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิว รวมถึงการดูแลผิวให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละประเภทนั้นเอง ผิวธรรมดา ผู้ที่มีผิวประเภทนี้ นับว่าเป็นผู้ที่โชคดีมาก เพราะผิวธรรมดา มักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผิวพรรณ จะมีความเรียบเนียน มีความยืดหยุ่นดี มีรูขุมขนละเอียด เมื่ออากาศร้อนผิวจะไม่เยิ้ม และไม่แห้งเป็นขุยเมื่ออากาศเย็น ดูแลง่าย การเลือกใช้ครีมบำรุงผิว : ควรเลือกใช้ครีมบำรุง ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ ที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำ แค่เพียงทำความสะอาดผิวหน้าด้วยสบู่หรือโฟมต่างๆ ส่วนกลางวันควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ผิวมัน จะสังเกตได้ง่ายมาก คนมีผิวมัน จะรูขุมขนกว้าง ไม่เรียบเนียน รูขุมขนคล้ายกับผิวส้ม ซึ่งทำให้เกิดการขับน้ำมันออกมาจากผิวมากผิดปกติ […]
ลองทำความรู้จักกับ ครีมรักษาสิวเหล่านี้ดูน่ะค่ะว่าเหมาะกับเราหรือเปล่า ครีม Differin เป็นครีมที่มีการทำงานเหมือนๆกับเรติน เอ แต่เป็นตัวยาคนละตัวกันคือเป็นตัว Adapalene 0.1% ใช้ทาละลายสิวอุดตันได้ดี ไม่เหมาะสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย(ครีมแอบแรง) และเหมาะกับคนที่เป็นสิวอุดตันไม่มาก หากเป็นมากๆเกรงว่าครีม Differin อาจจะเอาไม่อยู่ เนื้อครีมของDifferin จะละลายในไขมันได้ดีทำให้สามารถแทรกซึมเข้ารูขมขนเพื่อไปละลายสิวอุดตันได้เป็นอย่างดี การทาก็ทาบางๆก่อนเข้านอนหลังจากที่ล้างหน้าเสร็จแล้ว การทาตัวยาเยอะไม่ได้ช่วยให้การรักษาดีขึ้นนะครับ แต่กลับจะทำให้หน้าเกิดการระคายเคืองมากขึ้น เพราะฉะนั้นควรทาบางให้เนื้อครีมขาวๆหายเข้าไปในผิวก็พอแล้ว เดี๋ยวจะแย่กันไปใหญ่ เรติน เอ(retinoic acid) เรติน เอ หรือ retinoic acid จัดเป็นครีมทาเพื่อรักษาสิวยอดนิยมอีกตัวหนึ่ง ใช้ละลายสิวอุดตันได้เป็นอย่างดี โดยตัวเรตินเอนี้มี tretinoin ซึ่งมันจะช่วยปรับการทำงานของรูขุมขนของเราให้เป็นปกติเหมือนเดิม จากที่มันเพี้ยนๆไป ซึ่งเมื่อรูขุมขนเราทำงานได้ดีก็จะช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้ดีเช่นกัน วิธีการใช้ครีมเรติน เอ ก็ให้ทาหลังจากที่ล้างหน้าเสร็จแล้ว ก็คือทาครีมก่อนเข้านอนได้เลยไม่ต้องล้างออก แต่มือใหม่หัดทาอาจจะลองทาทิ้งไว้สัก 20 นาทีแล้วก็ล้างออกด้วยน้ำเปล่าก่อนก็ได้เพื่อเป็นการปรับสภาพผิว หากใช้แล้วรู้สึกว่าหน้าไม่มีความผิดปกติใดๆก็ทาทิ้งไว้ทั้งคืนได้เลย ผลต่อการรักษาสิวอุดตันอาจเห็นผลใน 2-3 สัปดาห์ หรืออาจจะนานถึง 1 เดือนก็แล้วแต่สภาพผิวของแต่ละคน แต่การใช้เรติน เอเพื่อละลายสิวอุดตันก็ต้องระวังแสงแดดให้มากหน่อย เพราะครีมเรติน เอนี้จะทำให้หน้าของเราไวต่อแสงแดดมากๆ […]